8. ลูทีน ( Lutein )
เป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ มีสีเหลืองสามารถต้านฟรีแรติคัล มีประดยชน์อันดดดเด่น คือ การปกป้องตัวตาและบำรุงสายตา ช่วยชลอความเสื่อมของดวงตาให้ช้าลง ถ้าพูดถึงคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง ลูทีนจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ และมะเร็งเต้านมได้ค่ะ
เราจะหาลูทีนในอาหารได้จากผักสีเขียว ส้ม กีวี องุ่น ผักโขม ฯลฯ
- สารลูทีน (Lutein) คืออะไร
*ดังนั้นพอจะพูดได้ว่า สารลูทีนจะช่วยสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ในการป้องกันเยื่อแก้วตา (retina)
- หน้าที่ของ Lutein
- Lutein ทำหน้าที่ช่วยให้มองภาพได้คมชัด และเห็นรายละเอียดของภาพดีขึ้น
- Lutein มีรายงานถึงผลการวิจัยที่ชัดเจนมากมาย สามรถลดอุบัติการณ์ โรคต้อกระจกในผู้สูงอายุได้จริง
- Lutein ลดความเสี่ยง ในการเป็นโรค จุดรับภาพเสื่อม (Age - Related Mascular Degeneration หรือ AMD)
- Lutein ลดอุบัติการณ์โรคมะเร็งเต้านมในสตรี กลุ่มที่มีความเสี่ยง
- Lutein ลดกลไกการเกิด Plague ในผนักเส้นเลือด ทำให้ลดอัตราการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดตีบในสมอง
จากประสิทธิภาพของลูทีน ที่ช่วยชะลออาการจอประสาทตาเสื่อม ของผู้ใหญ่ จึงมีการศึกษาประโยชน์ของลูทีน ที่มีต่อการปกป้องจอประสาทตา ของทารก และ เด็ก เล็ก เพิ่มมากขึ้น
จากการศึกษาคนไข้จำนวน 421 คน แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ได้รับลูทีนและซีซานทีนในระดับสูงที่สุด จะมีส่วนสำคัญ ต่อการลดระดับอัตราเสี่ยงของความเสื่อม ของตาตามอายุได้
จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า หญิงและชายที่ได้รับ ลูทีนในระดับสูงที่สุด จะเป็นต้อกระจกในอัตราที่ต่ำกว่า ผู้ที่ไม่รับประทานลูทีนจากผัก แล ะผลไม้และสารลูทีนอาจช่วยป้องกันมะเร็งปอด มะเร็งสำไส้ และมะเร็งเต้านม พบว่าการรับประทานสารลูทีน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ในทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และการลดอัตราเสี่ยงที่สำคัญที่สุดคือ การตรวจพบการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ระยะเริ่มแรก การรับประทานผักที่อุดมไปด้วยแคโรทีนอยด์ ซึ่งประกอบด้วยลูทีนในปริมาณสูง จะมีความสัมพันธ์กับอัตราเสี่ยง ในการเป็นโรคมะเร็งเต้านมที่ลดลง โดยเฉพาะสำหรับสตรีที่มีประวัติว่า มีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งเต้านม
- ดังนั้นพอจะสรุปได้ว่า Lutein ประโยชน์ดังนี้
- ช่วยให้ตาแข็งแรง ป้องกันประสาทตาเสื่อม
- เพิ่มความแข็งแกร่ง ให้กับผนังหลอดเลือดใหญ่ และเส้นเลือดฝอย
- เป็นสารที่ช่วยเสริมสร้าง สุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
- ช่วย เสริมสร้างการมองเห็น โดยช่วยป้องกันการเสื่อมของ Mascular ที่จุดเล็กๆ ตรงกลางของที่รับแสงในตา (Retina) อันเป็นส่วนสำคัญของ Main pigment (สี) ในฉากรับแสงของตา จะช่วยป้องกันมิให้แสงอาทิตย์ทำลายเรตินา
- ป้องกันโรคจุดรับภาพเสื่อม หรือจอประสาทตาเสื่อม AMD (Age - Related Mascular Degeneration)
- ช่วยป้องกันและลดอาการของโรคต้อกระจก (Cataracts)
- ช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง
- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ (Free radical) ที่ทำลายเซลล์ตา ทำให้เซลล์แข็งแรง ช่วยชะลอความเสื่อมของตา
- ช่วยบำรุงระบบการไหลเวียนของเลือด และเส้นเลือดฝอยที่เลี้ยงตา
- เพิ่มสมรรถภาพในการมองเห็นได้ดีในที่มืด
- ช่วยแก้สายตาที่ไม่ดีและโรคเกี่ยวกับตา
อย่างไรก็ตาม สารอาหารลูทีนนี้ ร่างกายของคนเรา ไม่สามารถสังเคราะห์สารลูทีนขึ้นมาใช้เองได้ จะต้องกินเข้าไปเท่านั้น โดยพบมากในน้ำนมแม่ เด็กแรกเกิดที่ได้กินนมแม่นั้นจะได้รับลูทีน ผ่านทางน้ำนมโดยตรง หากไม่ได้รับสารอาหารที่ช่วยปกป้องดวงตาอย่างเพียงพอ
ดังนั้น การดูแลปกป้องดวงตา และเอาใจใส่เรื่องการกินอาหาร จะทำให้ลูกได้รับสารอาหารที่จำเป็น มีประโยชน์ต่อร่างกาย และมีพัฒนาการทางสายตาที่สมบูรณ์ จึงจำเป็นต้องให้ลูกได้ดื่มนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึง 1 ขวบ
- การรับประทานแคโรทีนอยด์ในปริมาณที่สูงที่สุดจะมี อัตราเสี่ยงต่ำกว่า 43% สำหรับภาวะการเสื่อมของจอประสาทตาตามอายุอย่างเฉียบพลันของจอประสาทตา เมื่อเปรียบเทียบการรับประทานในปริมาณที่ต่ำที่สุด จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างจำนวน 876 คนซึ่งมีอายุ ระหว่าง 55-80 ปี การได้รับลูทีนและซีซานทีน ในอัตราสูงจะช่วยลดความเสี่ยงของจอประสาทตาเสื่อมอย่างเฉียบพลันตามอายุได้
- จาก การศึกษาคนไข้จำนวน 421 คน แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับลูทีนและซีซานทีนในระดับสูงที่สุดจะมีส่วน สำคัญต่อการลดระดับอัตราเสี่ยงของความเสื่อมของ ตาตามอายุได้
- จาก การศึกษาแสดงให้เห็นว่า หญิงและชายที่ได้รับ ลูทีนในระดับสูงที่สุดจะเป็นต้อกระจกในอัตราที่ต่ำกว่า ผู้ที่ไม่รับประทานลูทีนจากผักและผลไม้เละสารลูทีนอาจช่วยป้องกันมะเร็งปอด มะเร็งสำไส้ และมะเร็งเต้านม พบว่าการรับประทานสารลูทีน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ในทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และการลดอัตราเสี่ยงที่สำคัญที่สุดคือการตรวจพบการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ระยะ เริ่มแรก การรับประทานผักที่อุดมไปด้วยแคโรทีนอยด์ ซึ่งประกอบด้วยลูทีนในปริมาณสูงจะมีความสัมพันธ์กับอัตราเสี่ยงในการเป็นโรค มะเร็งเต้านมที่ลดลง โดยเฉพาะสำหรับสตรีที่มีประวัติว่ามีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งเต้านม
อ้างอิง
* รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน , เอกสารประกอบการบรรยาย "โภชนาการพื้นฐานเพื่อการมีสุขภาพสมบูรณ์สูงสุด" , พ.ศ. 2550
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น