Thai Language English Language

วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Health Life 2 You - งดอาหารเย็น เคล็ดลับสุขภาพดี "คนสูงวัย"

งดอาหารเย็น เคล็ดลับสุขภาพดี "คนสูงวัย" 

         ปัจจุบันมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด และมีการคาดคะเนว่าในอีก 13 ปีข้างหน้า จะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 17 จากสถิติดังกล่าว ยืนยันว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าสังคมไทยจะกลายเป็นผู้สูงอายุ เพื่อเตรียมพร้อมให้ผู้สูงอายุเป็น "ผู้สูงวัยที่มีคุณภาพ" สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ โดยคณะกรรมการพัฒนาผู้สูงอายุจึงจัดเสวนาเรื่อง "เวทีแลกเปลี่ยนความคิด ใช้ชีวิตเมื่อสูงวัย" ที่สภาสังคมสงเคราะห์ฯ

         ศ.นพ.เสก อักษรานุเคราะห์ ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู สภากาชาดไทย ได้เผยเคล็ดลับสุขภาพดีที่ปฏิบัติมานับสิบปีจนตอนนี้อายุ 74 ปีว่า ยึดทางสายกลาง ไม่จำเป็นต้องมีสุขภาพดีเลิศ แค่ดูแลร่างกายให้ไม่เจ็บป่วยก็พอ ด้วยการไม่รับประทานอาหารเย็น และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยออกกำลังกายเบาๆ อย่างต่อเนื่องไม่หยุด 30 นาที เพียงแค่นี้จะช่วยลดประมาณน้ำตาลในเลือดและไขมันทุกชนิดได้


          " ร่างกายคนเรารับประทานอาหารแค่ 2 มื้อ เหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ คือเช้ากับเที่ยงก็พอ เพราะกินมากกว่านั้นมันเกินความต้องการของร่ายกาย ซึ่งตลอด 40 ปีที่ผมไม่กินข้าวเย็นจนถึงตอนนี้สุขภาพยังคงแข็งแรงดี ทำอะไรได้ทุกอย่าง ทั้งทำงาน ออกกำลังกาย ผมเดินวันละ 3-5 กิโลเมตร เล่นเทนนิสได้ การไม่กินอาหารเย็นเป็นการฝึกฝนให้เราชนะใจตัวเอง รู้จักพอเพียงกับชีวิต และตัดกิเลสได้"

     
ศ.นพ.เสก แนะ นำวิธีฝึกตนให้งดอาหารเย็นง่ายๆ จากประสบการณ์ของตนเองว่า ค่อยๆ ลดปริมาณอาหาร ส่วนตอนค่ำถ้าหิวก็ดื่มน้ำ ฝึกอย่างนี้ประมาณ 2 ปีจนกระเพาะชิน หลังจากนั้นก็ทำได้โดยไม่ต้องฝืน

        แต่ ถ้าทำไม่ได้ อีกวิธีคือรับประทานเม็ดแมงลักเป็นอาหารเย็น โดยนำเม็ดแมงลักมาทำความสะอาด แล้วนำไปอบในเตาอบความร้อน 120 องศา เวลา 20 นาที จากนั้นตักเม็ดแมงลัก 2-3 ช้อนโต๊ะใส่ลงให้น้ำแกงจืด แล้วรับประทาน วิธีนี้ใช้ได้ผลกับผู้ที่อยากลดน้ำหนักด้วย ในระยะเวลา 1 เดือนน้ำหนักจะลดลงประมาณ 3-4 กิโลกรัม แต่ถ้าใครไม่ชอบเม็ดแมงลัก สามารถรับประทานแก้วมังกรแทนได้ ส่วนผู้สูงอายุที่งดอาหารเย็นไม่ได้ เพราะมีโรคประจำตัวต้องกินยาหลังอาหาร ให้รับประทานอาหารมังสวิรัติแทน

      ส่วน ผศ.ดร.วิรชฎา บัวศรี คณะกรรมการพัฒนาผู้สูงอายุ ได้แนะนำการเตรียมความพร้อมก่อนสูงวัยว่า ต้องเตรียมพร้อมด้านสุขภาพ ควรดูแลด้วยการตรวจเช็คสภาพร่างกายอยู่เสมอ ด้านการเงินควรเตรียมพร้อมออมเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ประมาณ 30 ปีขึ้นไป ด้านที่อยู่อาศัย เมื่อเข้าสู่วัย 50 ปี ควรวางแผนว่าบ้านหลังสุดท้ายจะอยู่ที่ไหน อยู่อย่างไร เช่น บ้านต้องอยู่ติดกับโรงพยาบาล หรืออยู่ติดกับแหล่งชุมชน สุดท้ายเรื่องภาระครอบครัว ต้องวางแผนเรื่องการดูแลคนในครอบครัวหรือวางแผนให้มีคนมาดูแล


     เพียงแค่ดูแลร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรงและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ก็เป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพแล้ว...


Counter : Pageviews.


- เขาบอกว่าอาหารมื้อเย็นเป็นมื้ออันตราย เป็นมื้อตายผ่อนส่ง

อ่านชื่อเรื่องแล้วมันชั่งขัดใจใครหลายคนจริงๆ คนไทยคนจีนมักจะถือเอาอาหารมื้อเย็นเป็นมื้อสำคัญ เป็น มื้อที่ต้องกินแต่ของดีๆ กินกันแบบอิ่มๆ แต่ถ้าเรามาลงอ่านเรื่องต่อไปนี้ น่าจะมีเหตุผลพอที่เราควรจะมาเริ่มงดอาหารมื้อเย็นกันดีกว่า ร่างกายเราจะได้แก่ช้า เสื่อมช้า อายุยืน

- จริงหรืออาหารมื้อเย็นเป็นมื้ออันตราย เป็นมื้อตายผ่อนส่ง

1. ทำอย่างไรจึงจะไม่แก่ และอายุยืน

คำตอบคือ กินสายกลาง

       กินสายกลาง คือ กินมื้อเช้าและมื้อเที่ยง งดมื้อเย็น
เปรียบตัวเราเป็นรถยนต์ ตื่นเช้ามาต้องเติมน้ำมันก่อน หรือกินมื้อเช้า รถจึงจะวิ่งได้ ถึงเที่ยงน้ำมันยังไม่หมด เติมอีกครั้ง ถึงเย็นก่อนนอนก็ยังไม่หมดพิสูจน์ได้ดังนี้

       สมมุติกินไข่ลวก 1 ฟองโตๆ มีไข่แดงหนัก 50 กรัม ในไข่แดงมีคลอเลสเตอรอล 1 กรัม ให้พลังงาน 9 แคลอรี่ ฉะนั้น 50 กรัม ให้พลังงาน 450 แคลอรี่ จะต้องออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานนี้ โดยขี่จักรยานตั้งแรงต้านไว้ 1.3 ก.ก. ความเร็วที่ปั่นบันไดจักรยาน 60 รอบต่อนาที ขี่อยู่นาน60 นาที จะเหนื่อยหอบ เหงื่อไหลท่วมตัว แต่ใช้พลังงานไปเพียง 300 แคลอรี่ ไข่ใบเดียวใช้ไม่หมด

       ฉะนั้นถ้ากินมื้อเช้า มื้อเที่ยง จนถึงเย็น พลังงานยังเหลือแน่นอน ไม่จำเป็นต้องไปเติมอีก เพราะเวลานอนร่างกายจะนำพลังงานที่เหลือใช้ไปเก็บในที่ต่างๆ โดย ตับ เป็นผู้ทำงานนี้ ถ้าพลังงานเหลือมาก การเอาไปเก็บในที่ต่างๆ ก็มากทำให้อ้วน และแน่นอนถ้าเก็บไม่หมดโดยเฉพาะพวกไขมันตัวโตๆ จะต้องค้างอยู่ในหลอดเลือด ถ้าค้างสะสมมากเท่าใด รูหลอดเลือดก็จะเล็กลงทุกวัน เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้น้อยลง อวัยวะทั้งหลายก็จะเสื่อมสภาพเร็วขึ้นหรือแก่เร็วขึ้น ถ้าวันไหนอุดตัน เช่น ถ้าตันที่สมอง จะกลายเป็นคนพิการอัมพาตครึ่งซีก ถ้าอุดตันที่ไต ต้องล้างไต เปลี่ยนไต ถ้าตันที่ขา อาจต้องตัดขาทิ้ง ถ้าตันที่กล้ามเนื้อหัวใจ ก็จะไม่มีโอกาสได้สั่งลาใคร

       การกินมื้อเย็นจึงเป็นมื้อที่เร่งกระบวนการเสื่อมถึงเสียชีวิตให้เร็วขึ้นไป อีก มื้อเย็นจึงเป็นมื้ออันตราย เป็นมื้อตายผ่อนส่ง ยิ่งกินมื้อเย็นมาก ยิ่งผ่อนส่งมาก ตายเร็ว ถ้าไม่กินมื้อเย็น ก็จะแก่ช้า เสื่อมช้า อายุยืน

       การไม่กินอาหารมื้อเย็น เป็นเรื่องที่ต้องเอาชนะใจตัวเองอย่างมาก ถ้าใครทำได้จะตัดทั้งกิเลส สุขภาพดี อายุยืน และมีสมาธิดี ความมุ่งมั่นสูง ได้ประโยชน์ทั้งกายและใจ แต่ท่านต้องฝึกกระเพาะให้เกิดความเคยชิน

- วิธีฝึกมี 4 วิธี

1. ค่อยๆ ลดปริมาณอาหารมื้อเย็นทีละน้อยๆ เช่นลดกินข้าวจาก 2 จาน เหลือ1 1/2 จาน สัก 3-4 เดือน  โดยมีข้อแม้ว่าหลังอาหารเย็น แล้ว ห้ามกินอาหารใดๆ ทั้งนั้นยกเว้นน้ำเปล่า พอกระเพาะชินแล้วลดเหลือ 1 จาน ต่อไปครึ่งจาน ต่อไปไม่กินข้าวเลยกินแต่กับ ต่อไปกินผักผลไม้ สุดท้ายงดอาหารเย็น

2. ร่นเวลากินอาหารเย็น เช่นจาก 2 ทุ่มมากิน 1 ทุ่ม ต่อไปเลื่อนเป็น 6 โมงเย็น 5 โมงเย็น 4 โมงเย็น สุดท้ายงดอาหารเย็น

3. กินเม็ดแมงลักแทนมื้อเย็น ใช้เม็ดแมงลัก 2 ช้อนโต๊ะใส่ในถ้วยน้ำแกงหรือน้ำเปล่าคนแล้วดื่มทันที ดื่มน้ำตามอีก 4-5 แก้ว

4. กินมังสะวิรัตมื้อเย็น การกินผักผลไม้ถือว่าเป็นอาหารไม่มีพิษ ร่างกายจะได้พักไม่ต้องทำลายพิษของอาหารเนื้อสัตว์ พิษที่สะสมไว้ก่อนก็จะถูกตับ ไต กำจัดหมดไปเองได้ ร่างกายมีเวลาถึง 18 ช.ม. กำจัดพิษที่ติดมากับมื้อเช้า มื้อเที่ยงได้ทัน
ฉะนั้นการไม่กินอาหารเย็น จึงเป็นเวลาที่ตับ ไต จะสามารถกำจัดสารพิษจากอาหารมื้อเช้าและเที่ยงได้หมด ร่างกายจึงบริสุทธิ์ทุกวัน
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Facebook Themes